แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อ 2.1,2.2และข้อ 4 ในส่วนที่เกี่ยวกับเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.6, จ.8 ส่วนข้อ3.1,3.2 จำเลยที่ 2 ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ จึงไม่รับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ฎีกาจำเลยที่ 2ข้อ 4 ส่วนที่เกี่ยวกับเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.2, จ.4 และ จ.10เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ไม่รับฎีกาในส่วนนี้
จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายทุกข้อ กล่าวคือในข้อ 3.1 และ 3.2 ปัญหาที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความหรือไม่นั้น แม้จะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ปัญหาข้อกฎหมายทั้งสองดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ซึ่งจำเลยที่ 2ย่อมยกขึ้นอ้างได้ สำหรับฎีกาข้อ 4 ในส่วนที่ไม่รับนั้น ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ จึงไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 104)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดสำหรับเช็คพิพาทหมาย จ.2, จ.4 และ จ.10 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 การกระทำของจำเลยที่ 2เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เช็คพิพาทหมาย จ.2, จ.4จำคุกกระทงละ 3 เดือน เช็คพิพาทหมาย จ.10 จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 12 เดือน ส่วนเช็คพิพาทหมาย จ.6 และ จ.8 ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดสำหรับเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.6 และ จ.8 ด้วย ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ3 เดือนเมื่อรวมกับโทษตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 18 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว(อันดับ 95)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาข้อ 3.1 เป็นฎีกาในปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ให้รับฎีกาข้อ 3.1 ของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา
สำหรับฎีกาข้อ 3.2 นั้น ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า
โจทก์รู้ถึงการกระทำผิดของจำเลยครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน2528 เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คครั้งแรกในวันดังกล่าวแต่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าโจทก์รู้ถึงการกระทำผิดของจำเลยในเดือนตุลาคม 2528 คดีจึงขาดอายุความ ฎีกาข้อนี้จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหาใช่เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังที่จำเลยที่ 2กล่าวอ้างไม่ ส่วนฎีกาข้อ 4 ในส่วนที่เกี่ยวกับเช็คพิพาทเอกสารหมายจ.2, จ.4และ จ.10 นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อ 3.2 และข้อ 4 ในส่วนนี้จึงชอบแล้ว