คำสั่งคำร้องที่ 2046/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ร่วมเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 จึงไม่รับ
โจทก์ร่วมเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ร่วมเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งมีข้อเท็จจริงปะปนอยู่บ้าง ส่วนปัญหาข้อกฎหมายมีว่า การที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อให้โจทก์ร่วม นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามมูลหนี้กู้ยืม โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทในฐานะผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิแจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยในความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 146)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ระหว่างพิจารณา นายธีระศักดิ์ เทพอยู่อำนวย ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 142)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 143)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมล้วนแล้วแต่คัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนที่โจทก์ร่วมยกข้อกฎหมายขึ้นมาอ้างในฎีกาด้วยนั้นเห็นว่า กรณีจะนำบทกฎหมายที่โจทก์ร่วมอ้างมาปรับแก่คดีได้ก็จำต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ตามที่โจทก์ร่วมฎีกาเสียก่อน จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ร่วมมีสิทธิฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมชอบแล้วยกคำร้อง

Share