แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2.4 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และมาตรา 219 เนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้โทษปรับของคำพิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้นเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ส่วนฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระสำคัญแก่คดี จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 2.1 ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหรือต่างกรรมต่างวาระกันซึ่งโทษที่จำเลยได้รับย่อมแตกต่างกันและฎีกาข้อ 2.2 ที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาข้อ 2.4(2.3) นั้น เป็นฎีกาข้อเท็จจริงอื่นนอกเนื้อหา เพื่อให้ศาลฎีกาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษ จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218,219 โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฎว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4,22,40 วรรคหนึ่ง 42 วรรคสอง, 43 วรรคหนึ่งและวรรคสาม,65,67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งให้ระงับการดัดแปลงอาคาร ปรับ 5,500 บาท ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร ปรับวันละ 500 บาท นับแต่วันฝ่าฝืนจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนอาคาร ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐาน ดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 22,65 วรรคหนึ่ง ปรับ4,000 บาท ฐานฝ่าฝืน คำสั่งเจ้าพนักงานที่ให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 วรรคสอง,65 วรรคสอง ปรับวันละ 500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2,000 บาทและปรับวันละ 250 บาทตามลำดับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 22)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 24)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยเฉพาะความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง ของเจ้าพนักงานที่ให้รื้อถอนอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคสอง,65 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นปรับบทความผิดไม่ถูกต้องและลงโทษสูงกว่าที่ กฎหมายกำหนด ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษหนักไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และความผิดฐานนี้ศาลชั้นต้นลงโทษปรับวันละ 500 บาท ศาลอุทธรณ์แก้เป็นลงโทษปรับวันละ 250 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อนี้ชอบแล้ว
ส่วนฎีกาของจำเลยเรื่องดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 22,65 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่พิจารณาลงโทษเป็นการไม่ชอบ จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ลงโทษหนักไป เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ไม่ต้องห้ามให้รับไว้พิจารณาและเรื่องการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ล้วนเป็นข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยทั้งสิ้น ให้รับไว้พิจารณาเช่นกัน