คำสั่งคำร้องที่ 1919/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ร่วมจะถือเอาการรับรองให้ฎีกาของอธิบดีกรมอัยการเป็นการรับรองให้ฎีกาของโจทก์ร่วมไม่ได้ เมื่อข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตาม ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ร่วมย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมเห็นว่า การที่อธิบดีกรมอัยการรับรองฎีกาของพนักงานอัยการโจทก์ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ย่อมมีผลเท่ากับอธิบดีกรมอัยการได้รับรองในคดีนี้ทั้งหมดว่ามีปัญหาสำคัญอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง รวมทั้งฎีกาของโจทก์ร่วมในปัญหาข้อเท็จจริงก็เป็นแนวเดียวกันกับฎีกาของพนักงานอัยการโจทก์ ดังนั้นฎีกาของโจทก์ร่วมจึงไม่จำต้องให้อธิบดีกรมอัยการรับรองอีก นอกจากนี้ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาย่อมจะต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงอยู่แล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์และจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 81,84)
ระหว่างพิจารณา พันโทเฉลิมชัยมีเวช สามีของผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 58,64,70 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 ลงโทษฐานขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับ ปรับ 800 บาท ฐานนำรถที่จดทะเบียนจังหวัดอื่นเข้ามาใช้ในกรุงเทพมหานคร ปรับ 1,000 บาท และฐานขับรถโดยประมาททำให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ปรับ 800 บาท รวมสามกระทงปรับ 2,600 บาท จำเลยเบิกความรับสารภาพทั้งสามข้อหาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับเป็นเงิน 1,300 บาท ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ (อันดับ 76)
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 77 แผ่นที่ 2)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)

คำสั่ง
การที่อธิบดีกรมอัยการรับรองฎีกาของพนักงานอัยการโจทก์ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น เป็นการรับรองเฉพาะฎีกาของโจทก์เท่านั้น ไม่อาจถือว่าอธิบดีกรมอัยการรับรองฎีกาของโจทก์ร่วมด้วยตามที่โจทก์ร่วมกล่าวอ้าง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมนั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share