แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์ได้กระทำผิดซ้ำคำเตือนซึ่งจำเลยได้ตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือไว้แล้ว จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 47(2) นั้น เป็นอุทธรณ์ในข้อที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้เพราะตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์กระทำผิดระเบียบข้อบังคับของจำเลย ซึ่งจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ตามระเบียบข้อบังคับหมวด 10 ข้อ 10.2 และข้อ 10.19 ค. มิได้ให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ เพราะกระทำผิดซ้ำคำเตือนแต่อย่างใด จึงเป็นการอุทธรณ์ในข้อที่มิได้หยิบยกขึ้นต่อสู้มาแต่ต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อนี้ จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายในประเด็นข้อพิพาทที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องค่าชดเชยว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยยังไม่ถูกต้องคลาดเคลื่อนต่อข้อกฎหมาย ซึ่งจำเลยได้ต่อสู้ไว้ในคำให้การอย่างชัดเจนแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 39)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยคืนเงินประกันให้แก่โจทก์จำนวน 200 บาท และค่าจ้างที่ค้าง 630 บาท รวม 2 รายการเป็นเงิน 830 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จ และให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์เป็นเงิน 16,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 29)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 37)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าเมื่อโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนแล้ว จำเลยจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งจำเลยได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ และศาลแรงงานกลางก็ได้กำหนดเป็นประเด็นพิพาทข้อ 1 จึงเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยและให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการต่อไป