คำสั่งคำร้องที่ 1847/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน (น่าจะเป็น 3 เดือน) ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีการอการลงโทษเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ดุลพินิจในการที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลยหรือไม่ เป็นปัญหาที่ศาลฎีกาควรที่จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพราะการที่จะนำ ผู้กระทำผิดไปจำคุกตามลักษณะความผิดแม้จะเป็น วิธีแก้ไขเพื่อให้เกิด ความหลาบจำก็ตาม แต่ลักษณะและการกระทำผิดในคดีนี้เป็นความผิด ที่มิได้ก่อความเสียหายร้ายแรง รวมทั้งจำเลยได้บรรเทาผลร้ายในคดี ดังกราบเรียนในฎีกาไว้แล้ว ควรที่ศาลฎีกาจะได้พิจารณารอการลงโทษ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ควรได้รับการพิจารณาจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 44 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 อันเป็นบทหนักจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 37)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 40)

คำสั่ง
คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ว่าความผิดที่จำเลยกระทำเป็นความผิดไม่ร้ายแรงก็ดี และศาลสูงควรรอการ ลงโทษให้จำเลยก็ดี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share