คำสั่งคำร้องที่ 1836/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้นโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 18,467 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 25 มีนาคม 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น หากบังคับไม่ได้หรือบังคับไม่ครบ ให้บังคับจากจำเลยที่ 1 จนครบ
จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 98)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 99)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่า นายพงษ์สันบำรุงทรัพย์จิระ ผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 รับประกันภัยค้ำจุนไว้เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อจำเลยที่ 2 ฎีกาว่า นายหัตถาสุมาลี ผู้ขับรถยนต์ของโจทก์เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง แม้จำเลยที่ 2จะอ้างบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ลักษณะ 3การใช้ทางเดินรถ หมวด 1 การขับรถ มาตรา 33,34 และ 35 มาด้วยก็เป็นแต่เพียงให้ศาลหยิบยกบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นประกอบการวินิจฉัยแล้วฟังข้อเท็จจริงใหม่ว่านายหัตถาเป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อนั่นเอง จึงหาใช่เป็นฎีกาในข้อกฎหมายไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ

Share