คำสั่งคำร้องที่ 1815/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 66)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจึงนัดสืบพยานจำเลย จำเลยขอเลื่อนคดีหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายไม่มาศาล
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานจำเลยทั้งสามแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน2,218,770.85 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ17.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2528 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2529ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 มกราคม 2529ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2529 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์เสร็จ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนอง ที่ดินโฉนดเลขที่2878-2883,24884-24888, และเลขที่ 21108 ตำบลบางเขน(บางเขน)อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้โจทก์ หากยังไม่พอชำระหนี้โจทก์ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ชำระให้โจทก์จนครบต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีมิใช่การขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุจะเพิกถอนคำสั่ง คำขอของจำเลยไม่เข้ากรณีจะขอพิจารณาใหม่จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 63,62)
จำเลยทั้งสามเคยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ (อันดับ 45) แต่ไม่ปรากฏคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา

คำสั่ง
ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่า หลักทรัพย์ที่จำนองเป็นหลักประกันเพียงพอกับจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยมีกำหนด 6 ปี ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ระหว่างฎีกา หากเห็นว่าไม่เพียงพอก็ให้หาหลักประกันมาเพิ่มให้เพียงพอภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควร มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง

Share