คำสั่งคำร้องที่ 181/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า คดีนี้ศาลวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์เพราะข้อเท็จจริงยังฟังไม่ถนัดว่ามีเงินหรือสิ่งของขาดบัญชีหายไปไหน โดยมีแนวโน้มว่า อาจไม่ขาดบัญชีเลยก็ได้แม้จำเลยที่ 5 จะทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ก็เป็นไปโดยความจำเป็นเพื่อขอรับเงินบำเหน็จและเงินอื่น ๆ มิได้ระบุจำนวนเงินไว้หนังสือดังกล่าวจึงไม่มีผลใช้บังคับ โจทก์อุทธรณ์คัดค้าน จึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522มาตรา 54 มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นแรกและประเด็นที่สองเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พยานได้ให้การรับไว้ หรือที่ได้เบิกความไว้ต่อศาล และอุทธรณ์ในประเด็นสุดท้ายในเรื่องการตีความหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยที่ 5 ทำให้ไว้แก่โจทก์ จะมีผลใช้บังคับตามกฎหมายหรือไม่ ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดกลับคำสั่งของศาลแรงงานกลางที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ ศาลแรงงานกลางได้ส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยทั้งห้าโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว เฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงถึงที่ 5 แถลงคัดค้าน (อันดับ 175,177,176)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้ง 5 ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ย ฯลฯ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 172)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 173)

คำสั่ง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ถนัดว่าเงินหรือสิ่งของของโจทก์ขาดบัญชีหรือหาย มีแนวโน้มว่าอาจไม่ขาดบัญชีเลย โจทก์อุทธรณ์ให้ฟังตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ว่า พัสดุและสิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ขาดบัญชีหรือหายไปจริงตามคำฟ้องศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าพนักงานตรวจสอบบัญชีของโจทก์ตรวจสอบอย่างคร่าว ๆ และเดาสุ่ม โจทก์อุทธรณ์ให้ฟังคำเบิกความของพยานบุคคลและพยานเอกสารของโจทก์ว่าพนักงานตรวจสอบบัญชีของโจทก์มิได้ตรวจสอบคร่าว ๆ และเดาสุ่มศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงเป็นทำนองว่า จำเลยไม่ได้ทุจริตหรือประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือประมาท โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยปฏิบัติมิชอบส่อไปทางทุจริตโดยอ้างอิงคำพยานบุคคลและพยานเอกสารของโจทก์เป็นจำนวนมาก แสดงพฤติการณ์ต่าง ๆ ของจำเลยทั้งห้าว่าเป็นประการใด รวมทั้งได้อุทธรณ์ชี้หรือแสดงว่าจำเลยเคยให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนไว้ว่ากระไร ดังนี้อุทธรณ์ของโจทก์จึงล้วนเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางทั้งสิ้น จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ตามที่กล่าวข้างต้นชอบแล้ว ส่วนอุทธรณ์ที่ว่าเมื่อจำเลยที่ 5ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้และจำเลยที่ 5 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวย่อมมีผลบังคับตามกฎหมาย เห็นว่าตามข้อเท็จจริงจำเลยที่ 5 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วยมูลหนี้เดิมเสียแล้วการที่จะวินิจฉัยว่าหนังสือรับสภาพหนี้มีผลบังคับหรือไม่ แม้เป็นข้อกฎหมายแต่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ส่วนนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องในผล ยกคำร้อง

Share