คำสั่งคำร้องที่ 1808/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยคดีนี้ ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแต่ได้พิพากษาแก้โทษจำคุกให้เป็น 12 เดือน จึงไม่ต้องห้ามฎีกา และการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องโดยรับฟังข้อเท็จจริงจากคำเบิกความที่ขัดแย้งกันของผู้เสียหายและพยานโจทก์เป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่คลาดเคลื่อนต่อข้อกฎหมายอีกทั้งการลงโทษจำเลยและคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองยังคลาดเคลื่อนและไม่น่าจะถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่จะฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 74)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 ให้จำคุกกรรมละ 4 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก 1 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก รวมโทษจำคุกจำเลยทุกกระทงแล้วเป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 67)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 72)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 ให้จำคุก 3 กรรม กรรมละ 4 เดือนรวมเป็นจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก รวมโทษจำคุกจำเลยทุกกระทงแล้ว จำคุก 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยกรรมละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายเบิกความไม่แน่ชัด สับสน ขัดต่อเหตุผล ไม่น่าเชื่อจำเลยไม่มีความรู้สึกทางเพศที่จะกระทำผิดได้ จำเลยไม่ได้กระทำผิดนั้น เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายข้างต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ชอบในผลแห่งคำสั่งแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share