แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลภาษีอากรกลางที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ศาลภาษีอากรกลางสั่งว่า โจทก์เลือกใช้วิธียื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคำขอใหม่ไปแล้ว ไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลได้อีก จึงไม่รับเป็นอุทธรณ์คำสั่งโจทก์เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156ไม่มีข้อห้ามว่าผู้ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาที่ใช้สิทธิขอพิจารณาใหม่ตามวรรคสี่แล้วจะอุทธรณ์คำสั่งตามวรรคห้าอีกไม่ได้ ดังนั้นเมื่อโจทก์ใช้สิทธิขอพิจารณาคำขออนาถาใหม่ตามวรรคสี่แล้วศาลไม่อนุญาต โจทก์ย่อมอุทธรณ์คำสั่งตามวรรคห้าได้ ประกอบกับโจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ และคดีมีมูลที่จะชนะโปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์และอนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 66 แผ่นที่ 4)โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยอ้างว่า โจทก์เป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ และโจทก์มีทางชนะคดี
ศาลภาษีอากรกลางไต่สวนคำร้องแล้ว เห็นว่าโจทก์ยังมีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้ มิได้ยากจนจริง ให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาใหม่ศาลภาษีอากรกลางไต่สวนแล้ว เห็นว่า โจทก์ยังมีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา (อันดับ 62)
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลภาษีอากรกลางที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 65 แผ่นที่ 4)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 66 แผ่นที่ 4)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในกรณีที่มีการยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถานั้น หากศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสี่ หรือจะเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นตามมาตรา 156 วรรคห้า เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ปรากฏว่าโจทก์ได้เลือกใช้สิทธิตามมาตรา 156 วรรคสี่แล้ว เมื่อศาลภาษีอากรกลางสั่งยกคำร้องนั้นแม้กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าคำสั่งเช่นว่านั้นให้เป็นที่สุดก็ตาม โจทก์ก็หามีสิทธิย้อนมาเลือกใช้วิธีอุทธรณ์คำสั่งตามมาตรา 156 วรรคห้าอีกไม่ ศาลภาษีอากรกลางไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง