แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกา ภายในกำหนด แต่เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมีว่า คำวินิจฉัย และเหตุผลแห่งการตัดสินของศาลอุทธรณ์ ผิดพลาด จากพยานหลักฐานในสำนวนความ เนื่องจาก ศาลอุทธรณ์หยิบยกเหตุผลเพียงเรื่องเดียวลงโทษจำเลย โดยไม่รอการลงโทษ ทั้งที่มีเหตุผลอื่น ๆ ที่สามารถหยิบยกเพื่อรอการลงโทษให้จำเลยได้ เป็นปัญหา ข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ระหว่างพิจารณา นายธนาพันธ์จันทรารมย์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4),157 ที่แก้ไขแล้วลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 49)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 53)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ จำคุกจำเลยมีกำหนด 3 เดือนศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาโต้แย้งเกี่ยวกับ ดุลพินิจของศาลว่า สมควรรอการลงโทษให้จำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ให้ยกคำร้อง