แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ถึงแก่กรรมลงแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ทนายผู้ร้องหาหลักฐานเกี่ยวกับ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 มาแสดงต่อศาลภายใน 7 วัน ผู้ร้องได้ตรวจสอบภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 พบว่าจำเลยที่ 1มีภูมิลำเนาอยู่ ณ บ้านเลขที่ 7/5 หมู่ที่ 4 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร แต่ปรากฏว่าในทะเบียน บ้านดังกล่าวระบุว่า จำเลยที่ 1 ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วรายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายคำร้อง ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งในการดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และจำเลยที่ 2 ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 1865 เลขที่ดิน 92 หน้าสำรวจ 298 ตำบลอนุสาวรีย์ (กูบแดง) อำเภอบางเขน กรุงเทพมหานคร ให้เจ้าหน้าที่ให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขแดง ที่ 9387/2529 ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท ให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และบริวารออกจากที่ดินพิพาทจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัด พิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ผู้ได้กรรมสิทธิ์ ในที่ดินพิพาทตามคำสั่งศาลแพ่งในคดีหมายเลขแดง ที่ 23115/2531 มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยทั้งสอง ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทอีกต่อไป คำสั่งศาลแพ่งในคดีหมายเลขแดงที่ 9387/2529ที่แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1ไม่มีผลผูกพันโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และ บริวารออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวน แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ โดยให้จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การแก้คดี แล้วพิจารณาพิพากษาต่อไปตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา (อันดับ 122) ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลฎีกาเพื่อพิจารณาแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินหมายรายงานว่า ส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้
ทนายผู้ร้องยื่นคำร้อง (คำแถลง) นี้ ศาลชั้นต้น สั่งว่า ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ ระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย จึงไม่สามารถส่งหมายนัด ไต่สวนให้จำเลยที่ 1 ได้ ให้นัดไต่สวนคำร้องของ ผู้ร้อง ต่อมาศาลชั้นต้นนัดไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณา (ถ้อยคำสำนวน อันดับ 11,15)
คำสั่ง
จำเลยที่ 1 มิใช่คู่ความในชั้นฎีกา กรณีไม่จำต้อง ส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยที่ 1 อีก ให้ยกคำแถลง