คำสั่งคำร้องที่ 1770/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220มีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ทั้งหกไม่ใช่ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้น ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาก้าวล่วงไปถึงการกระทำของจำเลยว่ามีเจตนาทุจริตหรือไม่ เนื่องจากจำเลยยังไม่ได้เข้ามาในคดี และยังไม่ได้ให้การต่อศาล จึงไม่อาจทราบเจตนาของจำเลยได้ว่ามีอยู่อย่างไรการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณาก้าวล่วงไปถึงการกระทำของจำเลยว่ามีเจตนาทุจริตหรือไม่ จึงไม่มีอำนาจกระทำได้ตามกฎหมายไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งหกไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 47)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59,83,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 อุทธรณ์ขอให้พิพากษากลับ ให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ฎีกาขอให้พิพากษากลับ ให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 42)
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 43)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาว่าในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลไม่มีอำนาจพิจารณาก้าวล่วงไปถึงการกระทำของจำเลยว่ามีเจตนาทุจริตหรือไม่เพราะจำเลยยังมิได้เข้ามาในคดีนั้น ข้อกฎหมายในเรื่องนี้หาใช่เป็นดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นสาระแก่คดี ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share