แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและ วิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 4 จึงไม่รับฎีกา จำเลยเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาแก้ไข คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน จึงเป็นการแก้ไขมากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 37) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(4),157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,90 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนด 1 เดือน 15 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 34) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 35)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน ตามกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นวางมา แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของ จำเลย