แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามฎีกา จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นสมควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสาม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและมิได้เป็นการเอาเปรียบโจทก์ในทางเชิงคดีแต่อย่างใด เหตุที่จำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันนั้นก็เนื่องจากจำเลยเข้าใจผิดว่าวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเป็นวันนัดชี้สองสถาน ซึ่งเมื่อจำเลยทราบว่าเป็นวันสืบพยานโจทก์นัดแรกจำเลยก็ได้ยื่นบัญชีระบุพยานทันที ฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายและเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 88)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสองตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1)เลขที่ 95 หมู่ 4 ตำบลท่าโสมอำเภอเขาสมิง จังหวัดตราดตามรูปแผนที่ท้ายฟ้องภายในเส้นสีแดงให้กลบร่องที่ขุดในที่ดินคืนดังเดิมและส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากจำเลยไม่ทำให้โจทก์ทั้งสองเป็นผู้ทำโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองในอัตราปีละ 2,400 บาทนับแต่เดือนพฤษภาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่ดินคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 85)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 88)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การที่จำเลยฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่ได้ยื่นภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงคดีนี้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลย เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกไม่ได้เพราะถือว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยฎีกาไม่มีการยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยต้องห้ามตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลโดยหักไว้เป็นค่าคำร้อง 40 บาท