คำสั่งคำร้องที่ 1745/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วม ไม่ปรากฏถ้อยคำพยานปากใดที่จะชี้ชัดว่าจำเลยปลอม และใช้เอกสารปลอม จำเลยลงลายมือชื่อเป็นพยานและดำเนินการ เกี่ยวกับคำขอสินเชื่อ เพราะกระทำไปตามคำสั่งของ นางสาวสุดใจ พงษ์ธรรมรักษ์ กรรมการบริหารบริษัทโจทก์ร่วมและผู้บังคับบัญชาโดยตรงของจำเลยเท่านั้น โดยไม่ทราบว่า ลายมือชื่อของผู้กู้และผู้ค้ำประกันเป็นลายมือชื่อปลอม จึงเป็นการกระทำโดยขาดเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ระหว่างพิจารณา บริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งทรัสต์ จำกัดผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,264,265,268 การกระทำของจำเลย เป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91 ลงโทษฐานใช้สัญญากู้ปลอม ตามมาตรา 268 ประกอบกับมาตรา 265 จำคุก 3 ปี ฐานใช้คำขอสินเชื่อ คำขอขายลดเช็ค สัญญาค้ำประกัน ขายลดเช็ค หนังสือมอบอำนาจโอนที่ดินปลอม ตามมาตรา 268 ประกอบกับมาตรา 265 จำคุก 3 ปี กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 ตรี,75 เบญจ,75 สัตต,75อัฏฐ,75ทวาทศ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 90 แต่เนื่องจากมาตรา 75 ตรี,75 สัตต,75อัฏฐ มีอัตราโทษ หนักสุดเท่ากัน จึงให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 75 ตรี จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 11 ปี กับให้จำเลยใช้เงินจำนวน 6,616,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จตามมาตรา 75 ทวาทศ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 75 แผ่นที่ 2) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาจำเลยเป็นการโต้เถียงว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิด ปัญหาว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share