แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1ข้อ 2 ก. เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามมาตรา 219 ส่วนข้อ2 ข. จำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างมาก่อน จึงต้องห้ามตามมาตรา 225 ประกอบมาตรา 195ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยคดีฝ่าฝืนจากคำพยานหลักฐานในท้องสำนวนหรือไม่ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3จำคุก 1 ปียกฟ้องจำเลยที่ 2 ปล่อยจำเลยที่ 2 พ้นข้อหาไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ฯลฯ
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ต่างฎีกา เฉพาะฎีกาจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 81,77)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 90)
คำสั่ง
คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระเงินกู้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าพยานโจทก์ที่นำสืบมาฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คพิพาทจากมูลหนี้ที่โจทก์ให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงิน เห็นว่า เป็นฎีกาคัดค้านดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง