แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้น มีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เห็นว่า ฎีกาที่ว่า จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 ได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบและเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของมา 5-6 ปี แล้วย่อมได้สิทธิครอบครองตามกฎหมาย และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ด้วย หมายเหตุ โจทก์และผู้ร้องสอดยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ระหว่างพิจารณา นายยืน สงคุ้ม ยื่นคำร้องสอดว่าที่ดินพิพาทเป็นของตน มิใช่ของโจทก์และจำเลยทั้งสี่ ขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องสอด ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสี่ออกไปจากที่ดินพิพาท ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.12 กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์เป็นเงินปีละ 5,000 บาท นับแต่เดือนกรกฎาคม 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะออกไปจากที่ดินพิพาท ยกฟ้องแย้ง ยกคำร้องสอด ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 198) จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้ นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 205)
คำสั่ง จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันมาวางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ก่อน จึงให้ยกคำร้อง