แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก และ 219 ส่วนข้อกฎหมายนั้น ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ถือว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลย 3 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยวางโทษ เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยจึงเป็นแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 และ 219ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า โดยสภาพปืน ของกลางไม่เป็นอาวุธ และปืนของกลางเป็นปืนชำรุดไม่สามารถยิงได้ แต่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากรายงานการสืบเสาะผิดไป และวินิจฉัยว่าจำเลยครอบครองอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงไปใน ที่สาธารณะนั้น หากได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาว่า เป็นดังที่ จำเลยฎีกาแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิด และศาลอาจลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 38 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองตาม มาตรา 7,72 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัว ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ที่แก้ไข และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371อันเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทหนัก จำคุก 3 ปี เรียงกระทงลงโทษรวมจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 ปี รวมกับโทษจำคุกฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองอีก 2 ปี เป็นจำคุก 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 29)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 38 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง คดีต้องฟังตามคำรับสารภาพของ จำเลยว่า จำเลยมีเจตนากระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง ที่จำเลยฎีกา โต้เถียงเป็นอย่างอื่นว่าอาวุธปืนของกลางไม่เป็นอาวุธ และเป็น อาวุธปืนชำรุดไม่สามารถยิงได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง เป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว โดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลดมาตราส่วนโทษและรอการลงโทษนั้น เป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจในการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษ ในความผิดฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทหนัก เป็นการแก้ไขเล็กน้อย และเมื่อลดโทษให้แล้วยังคงลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง