คำสั่งคำร้องที่ 1686/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและ ลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งคำร้องว่า ข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดจึงไม่ อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง และศาลชั้นต้นสั่งฎีกาว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 เมื่อผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่อนุญาตให้ฎีกา จึงไม่รับฎีกา
จำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยให้การ รับสารภาพไปโดยหลงเชื่อพนักงานสอบสวน เป็นการ ให้การเพื่อประโยชน์ในการสอบสวน ซึ่งกระทำไปโดย รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จำเลยไม่เคยมีประวัติที่เสื่อมเสีย และมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูมารดาซึ่งมีอายุมาก เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 46)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 3(4),4,24 ทวิพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8,9เรียงกระทงลงโทษ ฐานตั้งสถานบริการโดยไม่แจ้ง ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน จำคุก 2 เดือน ฐานเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี จำคุก 4 เดือน ฐานจัดหาผู้ทำการค้าประเวณีเพื่อผู้อื่น เป็นปกติธุระ จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดต่อพระราชบัญญัติสถานบริการ จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 3(4),4 วรรคสอง,26 ทวิ จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกฐานจัดตั้งสถานบริการเพื่อการค้า โดยไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน จำคุก 1 เดือน ฐานเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี จำคุก 2 เดือน ฐานจัดหาผู้กระทำการค้าประเวณีเพื่อผู้อื่น เป็นปกติธุระ จำคุก 15 วัน รวมจำคุก 3 เดือน 15 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดี ในศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งไม่อนุญาต ยกคำร้อง และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ดังกล่าว (อันดับ 32,30,36)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 46)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามที่จำเลยยื่นคำร้องขอมานั้น เป็นอำนาจของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยเฉพาะตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา จำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share