แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยาน ชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยยังไม่ได้ฟังข้อเท็จจริง จากการนำสืบของโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ หยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยจึงเป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวน ต้องห้าม ไม่ให้รับฟังตามกฎหมาย ฎีกาของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่บัญญัติว่าห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษา ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่า จำเลยได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157,162,267
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แล้วพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 66)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เมื่อฟ้องไม่มีความผิด ศาลยกฟ้อง ได้โดยไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง ห้ามมิให้คู่ความฎีกาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ให้ยกคำร้อง