แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เนื่องจากคดีนี้โจทก์ได้ยื่นฎีกาและศาลได้มีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้ ปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โดยอาศัยข้อเท็จจริง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ห้ามมิให้คู่ความฎีกา จึงเป็นการสั่งรับฎีกาของโจทก์โดยหลงผิด อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้เพิกถอนคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ และให้มีคำสั่งใหม่เป็นว่า ไม่รับฎีกาเนื่องจากต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
โจทก์เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,174 และ 83 ทางนำสืบโจทก์สืบสมข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้จำเลยที่ 1 แจ้งความเท็จตามฟ้องจึงถือว่าโจทก์อ้างบทมาตราผิด หรือปรับบทมาตราผิดเฉพาะจำเลยที่ 2เท่านั้น ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคสี่ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ ดังนั้นการชี้ขาดพยานหลักฐานใด ศาลจะรับฟังได้หรือไม่ เป็นการชี้ขาดข้อกฎหมาย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าคดีนี้เฉพาะจำเลยที่ 2ไม่มีมูลให้ยกฟ้องโจทก์ถือว่าไม่รับพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 2 นั้นจึงเป็นปัญหาว่าฟ้องของโจทก์ควรรับไว้พิจารณาหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย และปัญหาว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมายให้ลงโทษหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นโต้เถียงชั้นศาลอุทธรณ์หรือฎีกาศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้ ฎีกาของโจทก์จึงหาใช่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่ โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องฎีกาของโจทก์ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
หมายเหตุ จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 83)
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,174,83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้ความว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ด้วย จึงให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 59,61)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2ไม่มีส่วนร่วมกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ด้วยพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพฤติการณ์ยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมแจ้งความหรือสนับสนุนในการแจ้งความ ไม่มีมูลความผิด พิพากษายืน จึงเป็นกรณีที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ให้แจ้งความเท็จ โจทก์สืบพยานได้สม ศาลลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ เช่นนี้ เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ยกคำร้อง