แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ ไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด และสั่งคำร้องว่า เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสามแล้ว จึงมีคำสั่ง ไม่รับคำร้องขอทุเลาการบังคับ จำเลยทั้งสามเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีคลาดเคลื่อนไปจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับของ จำเลยทั้งสามด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน94,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 23 มีนาคม 2535 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้องต้องไม่เกิน 3,525 บาท จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 116,115)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริตมิได้คบคิด กันฉ้อฉล จำเลยทั้งสามฎีกาว่า โจทก์รับเช็คพิพาทมาโดย ไม่สุจริต เป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาล ถือว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง หาได้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ดังที่จำเลยทั้งสามเข้าใจไม่ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสามและไม่รับ คำร้องขอทุเลาการบังคับมานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องให้เป็นพับ