คำสั่งคำร้องที่ 1641/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงถึงที่สุดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 198 ทวิ วรรคท้าย ไม่รับฎีกาของโจทก์ โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงยังไม่เป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 198 ทวิ โจทก์มีสิทธิยื่นฎีกาต่อศาลได้ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ กรณีเป็นชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญา ในศาลแขวง มาตรา 22จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ (อันดับ 34) โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหา ข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้วยกคำร้อง (อันดับ 47) โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 51) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 54)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ด้วยเหตุว่า เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499มาตรา 22 คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคสาม โจทก์จึงฎีกา โต้แย้งอีกไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share