แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง (อันดับ 106)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำคุกคนละ 8 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 4 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 103)
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 106)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงระบุวรรคให้ถูกต้องเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกาว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1ถึงที่ 3 โดยมิได้แจ้งข้อหา จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่มีเจตนาที่จะรับของกลางไว้ และพยานโจทก์รับฟังไม่ได้นั้น ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง