แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา มีเหตุผลเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงข้อวินิจฉัยของศาลล่างได้ โปรดกันเงินส่วนของผู้ร้องไว้ครึ่งหนึ่งโดยสั่งให้งดการจ่ายเงินไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน ฯลฯ (อันดับ 64)
สืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สิน 4 รายการ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของนายสุรชัยปรีชาอนันตกุล ลูกหนี้ (จำเลย) ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องเป็นภรรยานายสุรชัยปรีชาอนันตกุล เจ้ามรดกทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับเจ้ามรดกผู้ร้องจึงมีกรรมสิทธิ์กึ่งหนึ่ง และหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้มิใช่หนี้ร่วม กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนที่เป็นของผู้ร้องจึงไม่ถูกกระทบกระทั่ง ขอให้ศาลมีคำสั่งกันเงินจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวกึ่งหนึ่งและสั่งจ่ายแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 57,56)
ชั้นอุทธรณ์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ (อันดับ30,31) แต่ไม่ปรากฏคำสั่งศาลอุทธรณ์ในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา
คำสั่ง
คำร้องของผู้ร้องไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับ แต่เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 พิเคราะห์แล้ว ผู้ร้องขอกันส่วนของตนโดยอ้างว่าไม่ได้เป็นหนี้ร่วมกับผู้ตาย เห็นเป็นการสมควร จึงให้กันเงินส่วนของผู้ร้องจากเงินขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวไว้ในระหว่างฎีกา