คำสั่งคำร้องที่ 160/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า คดีนี้เกี่ยวเนื่องถึงความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน แม้โจทก์จะเคยแถลงแล้วว่าหากพยานไม่มาก็ไม่ติดใจสืบพยานก็ตาม แต่การที่นายธีรเวทย์ ภัทรสิทธิเดชา ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ได้รับหมายเรียกพยานตามที่โจทก์พอไว้โดยชอบแล้วแต่ไม่ไปศาลตามนัดนั้น กรณีเป็นเหตุการณ์นอกวิสัยที่อยู่ในบังคับของโจทก์ เมื่อโจทก์ขอเลื่อนคดีไปเพื่อสืบนายธีรเวทย์ ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะมีคำสั่งให้เลื่อนคดีต่อไป ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเพื่อให้โจทก์จำเลยได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ฎีกาของโจทก์จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้เพื่อพิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง (อันดับ 83)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบนายธีรเวทย์ภัทรสิทธิเดชาพยานโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นที่งดสืบพยาน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 81)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 83)

คำสั่ง
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ข้อ 2(1) ที่ว่าศาลชั้นต้นควรให้โอกาสโจทก์ที่ขอเลื่อนคดีไปเพื่อสืบพยานโจทก์ปากนายธีรเวทย์ภัทรสิทธิเดชา เพราะเป็นพยานสำคัญของคดี ไม่ควรงดสืบพยานปากนี้ นั้น เป็นฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง มิใช่เป็นฎีกาในเนื้อหาสาระของคดีที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโจทก์ฎีกาได้ ให้รับฎีกาโจทก์ข้อ 2(1) ไว้ดำเนินการต่อไป

Share