แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 113)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินให้โจทก์โดยให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 1,300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีของเงินต้น 500,000 บาทแรกนับแต่วันที่10 กุมภาพันธ์ 2527 เป็นต้นไป ของเงินต้น 400,000 บาทต่อไปนับแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2527 เป็นต้นไป และของเงินต้น 400,000 บาทสุดท้ายนับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2527 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยทั้งหมดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 464,745.21 บาทให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมรับผิดชำระเงิน 1,000,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของเงินต้น 500,000 บาทแรก นับแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2527 เป็นต้นไป ของเงินต้น 400,000 บาทต่อไป นับแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2527 เป็นต้นไป และของเงินต้น100,000 บาทสุดท้าย นับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 59294 แขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ทรัพย์จำนองตามฟ้องออกขายทอดตลาดชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดชำระหนี้ตามความรับผิดของแต่ละคนจนครบ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 110,109)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ แต่จำเลยทั้งสามไม่วางหลักประกันตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำร้องของโจทก์แล้ว (อันดับ 93,97,98)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ให้ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์สินที่จำนอง ถ้าไม่พอชำระต้นเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีกำหนด 7 ปีก็ให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 หรือจำเลยที่ 3 คนใดคนหนึ่งหรือร่วมกันหาประกันมาเพิ่มให้ครบภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง