คำสั่งคำร้องที่ 1522/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงในบางเรื่อง เช่น มูลหนี้เดิมที่เกี่ยวข้องกับมูลหนี้ในเช็คพิพาท หุ้นที่สั่งซื้อสั่งขายจำนวนเดียวกันหรือไม่ การใช้สิทธิหักกลบลบหนี้แล้วโจทก์จะต้องชำระหนี้ให้ฝ่ายจำเลยหรือไม่ จึงยกฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นมีปรากฏในสำนวนแล้ว ดังนี้เป็นฎีกา โต้เถียงข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ไม่รับฎีกาโจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงนอกจากพยานหลักฐานในสำนวนทั้งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณาในชั้นพิจารณามาวินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (สำนวนธุรการอันดับ 20 แผ่นที่ 3 ถึงที่ 5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 19)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 20)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล ฎีกาโจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่าคดีโจทก์มีมูลเช่นนี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share