แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี จึง ไม่รับ จำเลยทั้งสองเห็นว่า จำเลยทั้งสองมิได้กระทำผิดร้ายแรง และศาลสมควรที่จะลงโทษจำเลยทั้งสองสถานเบาได้ เพื่อประโยชน์ แห่งความยุติธรรม โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้ พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 49) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยทั้งสอง ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 เดือน ไม่ปรากฏว่า จำเลยทั้งสองได้รับโทษจำคุกมาก่อนเห็นควรเปลี่ยนโทษจำคุก เป็นลงโทษกักขัง 3 เดือน แทนโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 46) จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 49)
คำสั่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 เดือนและให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนจำเลยทั้งสองฎีกาว่า ความผิดที่กระทำไม่ร้ายแรง ขอให้รอการ ลงโทษ รอการกำหนดโทษ หรือปรับ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจ ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ยกคำร้อง