แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องด้วยจำเลยได้ตรวจพบหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ของที่พิพาทดังปรากฏตามสำเนาเอกสารท้ายคำร้องนี้แต่จำเลยไม่สามารถนำมาอ้างในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้ซึ่งต่อมาจำเลยได้ยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ก็มิได้มีคำสั่งแต่อย่างใด ฉะนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และเพื่อที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายในประเด็นที่ว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาททั้งแปลงหรือไม่ และจำเลยขออาศัยที่โจทก์หรือไม่ ได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมแก่จำเลย ขอศาลได้โปรดรับหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินดังกล่าวที่จำเลยได้ยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมนี้ด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 120)
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกนายทองใส พนาลิกุล โจทก์สำนวนแรกและจำเลยสำนวนหลังว่าโจทก์ และเรียกจ่าสิบตำรวจวิโรจน์ศรีเทพอุบล จำเลยสำนวนแรกและโจทก์สำนวนหลังว่า จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ผู้ครอบครองที่ดินแปลงพิพาท ตามระวาง 50 น13ฎ 53 ทั้งแปลง จำเลยเป็นเจ้าของบ้านพิพาทที่ปลูกสร้างแทนที่บ้านเลขที่ 553 ในที่ดินแปลงพิพาททั้งหลัง คำขออื่นของโจทก์และจำเลยให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 106,107)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตตามขอ ให้ยกคำร้อง