คำสั่งคำร้องที่ 1481/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง จึงไม่รับฎีกาจำเลยเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ แม้ขณะโจทก์ฟ้องขับไล่บ้านและที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรค 2 และฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านไม่มีเลขบ้านอยู่ที่ซอยโรงน้ำแข็ง ถนนนนทบุรี 1 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 136121 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรีและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้อง(วันที่ 18 เมษายน 2529) จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากบ้านของโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 500 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 97)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 101)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามฎีกานั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ในกรณีละเมิด ตามฟ้องเรียกค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท การที่จำเลยต่อสู้ว่าเช่าที่พิพาทจากผู้อื่นมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทได้ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนนั้น เห็นว่าการที่ศาลอุทธรณ์จะรับฟังพยานหลักฐานโจทก์หรือจำเลย เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยพยานหลักฐานในสำนวนว่าจะรับฟังได้หรือไม่ เพียงใด จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share