แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขอให้ศาลปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมคำร้องแล้ว
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 277,282 ฯลฯ และจำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประมงพ.ศ. 2490 มาตรา 20,20 ทวิ,62 ทวิ,62 ตรี ฯลฯ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 55,78 ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,91 ฯลฯ เรียงกระทงลงโทษ ความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานควบคุมเรือยนต์โดยไม่มีประกาศนียบัตรแสดงว่ามีความรู้สมควรที่จะเข้าทำการควบคุมเรือยนต์และเครื่องยนต์ได้ ปรับ 1,000 บาท ฐานใช้เรือยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ปรับ 1,000 บาทรวมปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 1,000 บาท และลงโทษจำเลยทั้งสามฐานใช้วัตถุระเบิดในที่จับสัตว์น้ำ จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันมีสัตว์น้ำที่ได้จากการใช้วัตถุระเบิดในความครอบครองเพื่อการค้าจำคุกคนละ 6 เดือน ฐานมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในความครอบครอง จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 4 ปี 6 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง ให้จำคุกจำเลยคนละ 2 ปี เมื่อรวมกับโทษข้อหาอื่นแล้วคงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 3 ปี 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 1เป็นเงิน 1,000 บาท อีกสถานหนึ่งนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา (อันดับ 136)
จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องดังกล่าว โดยมีคำร้องประกอบ(อันดับ 139,138)
จำเลยทั้งสามเคยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกามาแล้วครั้งหนึ่ง ศาลฎีกายกคำร้อง (อันดับ 137)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยทั้งสามชั่วคราว และในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นตีราคาประกันคนละ 100,000 บาท (อันดับ 103)
คำสั่ง
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้วยังไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง