คำสั่งคำร้องที่ 1426/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อ 2.1 เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ให้รับไว้ ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ข้ออื่นนอกจากนั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 54 จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 2.3 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยสั่งจ่ายเงินตามเช็คโดยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินมาหักล้างบัญชีทำให้เงินขาดบัญชีไปนั้น เป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวด้วย
หมายเหตุ ศาลแรงงานกลางได้ส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว (อันดับ 152)
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 286,917.40 บาทแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินจำนวน 258,119.47 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 145)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 147)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามอุทธรณ์ข้อ 2.3 โจทก์ได้ยกคำเบิกความของพยานและพยานเอกสารขึ้นอ้างแล้วขอให้ฟังว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยจงใจนำเงินของโจทก์ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต หรือเป็นการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เงินของโจทก์ขาดหายไป เป็นเรื่องโต้แย้งการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า จำเลยมิได้ทุจริตหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เงินของโจทก์ขาดหายไป และจำเลยได้จ่ายเงินไปโดยชอบ กรณีมีเพียงจำเลยมิได้นำหลักฐานมาหักล้างบัญชีอันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share