แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ที่แก้ไขใหม่ และเมื่อพิจารณาฎีกาของจำเลยแล้วเห็นว่าเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์อันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 2.(1) เป็นการฎีกาเกี่ยวกับการแปลความหมายหรือตีความในสัญญาจะซื้อจะขายตามเอกสารหมาย จ.3 จ.4 และ จ.5 ส่วนฎีกาในข้อ 2.(2) นั้นเป็นการฎีกาโต้แย้งว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงผิดกระบวนพิจารณากล่าวคือศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากสัญญาจะซื้อจะขายตามเอกสารหมาย จ.3 จ.4 และ จ.5 และฎีกาในข้อ 2.(3)เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลง แก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.5 ฎีกาของจำเลยทุกข้อดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1222 ตำบลบ้านป่า อำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรี ให้แก่โจทก์ในราคา 67,400 บาท โดยหักเงินที่จำเลยรับไปจากโจทก์แล้วออก 61,000 บาท ให้รับเงินจากโจทก์ อีก 6,400 บาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน40,000 บาท เมื่อหักกลบลบกับราคาที่ดินที่ยังค้างอยู่ คงเหลือค่าเสียหาย 33,600 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จถ้าจำเลยขัดขืน ให้เรียกเอา น.ส.3 ก. จากจำเลยเพื่อดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 111)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยศาลชั้นต้นสั่งว่า รับเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันไว้ต่อศาลภายใน 10 วัน ครบกำหนดจำเลยไม่วางเงินให้เสนอสำนวนเพื่อส่งศาลฎีกาพิจารณาต่อไป ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2536ทนายจำเลยได้ยื่นคำแถลงว่า ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว เนื่องจากในชั้นฎีกานี้จำเลยได้เสียค่าธรรมเนียมและค่าธรรมเนียมชดใช้แทนครบถ้วนแล้ว และในชั้นขอทุเลาการบังคับคดีของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ได้หาหลักประกันมาวางไว้ต่อศาลจนเป็นที่พอใจแล้ว ถ้าจำเลยแพ้คดีในชั้นฎีกา ก็สามารถจะบังคับเอาจากหลักประกันนี้ได้ ไม่น่าจะต้องมีการวางเงินกันอีกจึงขอให้ศาลฎีกาได้โปรดพิจารณา (อันดับ 114,115)
คำสั่ง
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ก่อนจึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย