แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท และเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า แม้ที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาทก็ตาม แต่จำเลยได้ให้การกล่าวแก้เป็นข้อพิพาท ด้วยกรรมสิทธิ์ จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ โปรดมี คำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 89)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินของโจทก์โดยให้รื้อถอนบ้านเลขที่ 24 และโรงเรือนด้วย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 100 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนบ้านและโรงเรือนออกจากที่ดินโจทก์เสร็จสิ้นส่วนฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 81)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 84)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ หนึ่งหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองที่แก้ไขใหม่ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2534เป็นต้นไป จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2535 การพิจารณารับหรือไม่รับฎีกาของจำเลยต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้บังคับ ในขณะยื่นฎีกา เมื่อฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง แม้จำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ก็ไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองที่แก้ไขใหม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ ค่าคำร้องที่เสียเกินมา 160 บาทคืนให้จำเลย