แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า นางริ้วอาจงานหลวงหรือเขมะโยธิน เจ้ามรดกมีบุตร 2 คน คือพลเอกเนตรเขมะโยธินและนายน้อมหรือพยัคฆ์เขมะโยธินแต่นายน้อมตายก่อนเจ้ามรดก โจทก์ที่ 2 และที่ 3ซึ่งเป็นบุตรผู้สืบสันดานทางสายโลหิตของพลเอกเนตรเขมะโยธินและเป็นหลานของเจ้ามรดก มีความประสงค์จะใช้สิทธิตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2528 ซึ่งได้แนบสำเนามาท้ายคำร้องนี้ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ได้รับมรดกแทนที่นายน้อมหรือพยัคฆ์เขมะโยธิน ซึ่งเป็นบุตรของเจ้ามรดกด้วย
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีสืบเนื่องจากศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 773/2528 โดยพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสาม ต่อมาวันที่ 9 กันยายน 2529โจทก์ที่ 1 ยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นบังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอ้างว่า จำเลยตายในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาควรจำหน่ายคดี ภรรยาของจำเลยจะขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยไม่ได้เพราะเป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลย ศาลฎีกาไม่อาจอนุญาตให้ภรรยาจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยและไม่อาจพิพากษาคดีภายหลังจำเลยตายแล้วได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ระหว่างพิจารณาจำเลยตายการที่ภรรยาจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยนั้น ศาลฎีกาได้มีคำสั่งอนุญาตแล้ว คำพิพากษาของศาลฎีกาที่พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ทำให้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่มีผลบังคับโจทก์ขอให้บังคับคดีไม่ได้ ให้ยกคำขอ
โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ฎีกา (อันดับ 322)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 328)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังยุติว่าโจทก์ทั้งสามเป็นบุตรบุญธรรมของนายน้อมหรือพยัคฆ์เขมะโยธินแต่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 อ้างขึ้นใหม่ว่าเป็นบุตรที่แท้จริงของจำเลยจึงไม่อาจรับฟังได้ทั้งศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสามแล้วโจทก์ที่ 2 ที่ 3 จึงไม่มีสิทธิที่จะรับมรดกแทนที่นายน้อมให้ยกคำร้อง