คำสั่งคำร้องที่ 1330/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามผิดสัญญาหมั้นและ ไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรส จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสามคืนของหมั้นหรือใช้ราคาแทนและเรียกค่าเสียหายรวมเป็นเงินซึ่งโจทก์ถือเป็นทุนทรัพย์จำนวน 38,800 บาท มิใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงินสินสอดและแหวนหมั้นหรือใช้ราคาเป็นเงินไม่เกินทุนทรัพย์ดังกล่าว และฎีกาโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

ความว่า จำเลยทั้งสามยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกา

จำเลยทั้งสามเห็นว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงทำสัญญาหมั้นกันโดยมีการแต่งงานกันตามประเพณีและไปอยู่กินกันฉันสามีภริยาเพียงแต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรส การที่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้โจทก์ร่วมประเวณีและไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสเป็นมูลฟ้องคดีว่า จำเลยทั้งสามผิดสัญญาหมั้น จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาด้วย

หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 75 แผ่นที่ 2)

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงินสินสอด 28,100 บาท และคืนแหวนหมั้นแก่โจทก์ หากคืนแหวนหมั้นไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน 800 บาท ให้ร่วมกันชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 28,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ ยกฟ้องแย้ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 72)

ทนายจำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ โดยเสียค่าธรรมเนียมจำนวน 200 บาท แต่จำเลยทั้งสามมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล (อันดับ 73)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามผิดสัญญาหมั้นและไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรส จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสามคืนของหมั้นหรือใช้ราคาแทนและเรียกค่าเสียหายรวมเป็นเงินซึ่งโจทก์ถือเป็นทุนทรัพย์จำนวน 38,800 บาท จึงมิใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงินสินสอดและแหวนหมั้นหรือใช้ราคาเป็นเงินไม่เกินทุนทรัพย์ดังกล่าว และฎีกาโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสามชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share