แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นฎีกา มีเหตุอันควรที่จะได้รับ อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ ทั้งจำเลยสามารถใช้หนี้ให้แก่โจทก์ได้ทันที แต่ที่ไม่ใช่เนื่องจากหนี้ตามฟ้องเกิดจากนิติกรรมที่ไม่ชอบด้วย กฎหมาย การที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ทำให้ธุรกิจของจำเลยต้อง หยุดชะงัก เกิดความเสียหายแก่บุคคลหลายฝ่ายรวมทั้งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย โปรดมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ชั่วคราวเพื่อรอผลการพิจารณาของศาลฎีกา ภายใต้เงื่อนไข ตามที่เห็นสมควร
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์ได้รับสำเนา คำร้องแล้วหรือไม่
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสาม เป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยทั้งสามไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เด็ดขาด จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ อ้างว่า ภูมิลำเนาตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องโจทก์มิใช่ภูมิลำเนา ของจำเลยทั้งสาม แต่เป็นบ้านร้างมาหลายปีแล้ว จำเลยทั้งสาม ได้ย้าย สถานที่ประกอบการไปอยู่บ้านเลขที่ 100/36 หมู่ที่ 8 ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมโจทก์ทราบดี เคยไปติดต่อกับจำเลยหลายครั้งหนี้ที่นำมาฟ้อง ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอน จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีทรัพย์สินมูลค่า กว่า 10 ล้านบาทมีกิจการตลาดสด ไม่ใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้พิจารณาคดีใหม่ โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามไม่ทราบฟ้อง ของโจทก์และไม่จงใจขาดนัดพิจารณา จึงอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย ทั้งสาม
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยที่ 3 ต่างฎีกา (อันดับ 105,106)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 107 แผ่นที่ 4)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามคำร้องมิใช่เป็นการขอทุเลาการบังคับ การร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของศาลชั้นต้นไว้ ชั่วคราวนั้นเท่ากับร้องขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ยังไม่ควรให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้ล้มละลายนั่นเอง ศาลฎีกาจึงไม่อาจมีคำสั่งตามคำร้องได้ ให้ยกคำร้อง