คำสั่งคำร้องที่ 1269/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2.1 และข้อ 2.2 เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจชั่งน้ำหนักคำพยานของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จึงไม่รับฎีกาจำเลย ข้อ 2.1 และข้อ 2.2 สำหรับฎีกาจำเลยข้อ 2.3เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย จึงรับเป็นฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ จำเลยที่ 1 ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี1 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยมิได้แก้ไขแต่อย่างใด จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 แต่อย่างใด และฎีกาข้อ 2.1 และ 2.2 ของจำเลยมิได้โต้แย้งการชั่งน้ำหนักพยานของศาลแต่อย่างใด แต่ฎีกาขอให้วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ศาลล่างทั้งสองศาลฟังมาว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกง นั้นจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือว่าจะเป็นความผิดในทางแพ่งล้วน ๆฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งแก้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาข้อ 2.1 และ 2.2 เสียเป็นให้รับฎีกาของจำเลยดังกล่าวไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 116)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341,343,83,91 ลงโทษตามมาตรา 343 จำคุก 5 ปีพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7,27 ลงโทษตามมาตรา 27 จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 5 ปี 1 เดือน นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 15403/2526 และหมายเลขแดงที่ 15834/2526 ของศาลนี้ กับให้จำเลยที่ 1 คืนเงินแก่ผู้เสียหายจำนวน 116,400 บาทด้วย
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 113)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 116)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1สำหรับข้อหาฐานฉ้อโกงมีกำหนด 5 ปี ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2.1 และ 2.2 เป็นการฎีกาว่าจำเลยที่ 1ไม่มีเจตนาฉ้อโกงประชาชนและผู้เสียหายมิได้มอบเงินให้จำเลยที่ 1เนื่องจากการหลอกลวง ซึ่งล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาข้อ 2.1 และ 2.2 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1

Share