แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์สรุปได้ว่าขอให้ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์ ไม่ได้ทุจริตต่อหน้าที่และกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์เห็นว่า โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลพิพากษาเกินกว่าคำฟ้องของ โจทก์และคำให้การของจำเลยหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรกส่วนเหตุที่อุทธรณ์มานั้นเป็นเหตุผลประกอบคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่ง ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 35)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานเสมือนโจทก์ ไม่มีความผิด หากจำเลยไม่อาจรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้ ให้จำเลยจ่ายผลประโยชน์ตามข้อบังคับ ค่าชดเชย และค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 32)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 33)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์โต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง จึงเป็นอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง