แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินหรือหลักประกันในการทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับเป็นอุทธรณ์คำสั่ง
จำเลยที่ 1 อ้างว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินหรือหลักประกันในการทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาจึงขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 195)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากทรัพย์สินพิพาท ห้ามเข้าเกี่ยวข้องต่อไป และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 8,000 บาท กับให้ใช้ค่าเสียหายนับแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2525 เป็นต้นไป ในอัตราเดือนละ 3,500 บาทจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะออกไปจากทรัพย์สินพิพาท
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถาพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งว่า ถ้าจำเลยที่ 1 หาประกันสำหรับค่าเสียหายที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นับถึงวันทราบคำสั่งนี้ และค่าเสียหายต่อไปอีก เป็นเวลา 1 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกามิฉะนั้นให้ยกคำร้อง (อันดับ 161,161 แผ่นที่ 7,180)
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินหรือหลักประกันในการทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง (อันดับ 183) จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์คำสั่งแล้ว (อันดับ 187) แต่จำเลยที่ 1 เข้าใจว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 191)
คำสั่ง
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางหลักประกันของจำเลยที่ 1 แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จำเลยที่ 1จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ