แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและแก้ไขโทษจำคุกและให้ลงโทษจำคุกจำเลย ไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า เอกสารหมาย จ.1 จะเป็น เอกสารปลอมหรือไม่ผู้กระทำเอกสารดังกล่าวมีเจตนาอย่างไร และการที่โจทก์ไม่สามารถนำสืบให้ศาลเห็นได้ว่าผู้กระทำเอกสาร มีเจตนาอย่างไรจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นเอกสารปลอม ที่ศาลล่าง พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นการรับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนล้วนเป็น ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 ประกอบมาตรา 265 จำคุก 3 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 34)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 35)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ขอให้ลงโทษสถานเบาโดยรอ การกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจ เป็นปัญหา ข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อนี้ชอบแล้ว
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า เอกสารหมาย จ.1 ที่จำเลยใช้นั้น ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาจะเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ เรื่องนี้เป็นการฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้าม ให้รับฎีกา ข้อนี้ของจำเลยไว้พิจารณา