คำสั่งคำร้องที่ 1200/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ยื่นฎีกาฉบับแรกเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2531ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันนั้นว่าฎีกาของโจทก์ทำไม่เรียบร้อยไม่พิมพ์ด้านหลังของทุกแผ่น ให้โจทก์ไปทำมายื่นใหม่ภายในวันที่ 8 เมษายน 2531 มิฉะนั้นไม่รับฎีกา
ในวันดังกล่าวนั้นเจ้าหน้าที่ศาลได้เสนอรายงานต่อศาลว่าได้มีหญิงไทยอายุประมาณ 40 ปี นำฎีกามายื่น ได้ตรวจแล้วปรากฏว่าไม่มีใบมอบฉันทะของโจทก์หรือทนายโจทก์แต่อย่างใด รุ่งขึ้นวันที่ 5 เมษายน 2531 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งในฎีกาของโจทก์ฉบับดังกล่าวว่า ทนายโจทก์ไม่ได้มายื่นฎีกาด้วยตนเองและไม่ได้มอบฉันทะให้ผู้อื่นมายื่นฎีกาแทน จึงไม่รับฎีกาของโจทก์ให้เพิกถอนคำสั่งเดิม
ครั้นวันที่ 5 เมษายน 2531 เวลา 14.00 นาฬิกา โจทก์ได้นำฎีกาที่แก้ไขแล้วมายื่นใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์แล้ว ฎีกาฉบับนี้ยื่นเกินกำหนด จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า การยื่นฎีกาโดยภรรยาโจทก์ยื่นแทนนั้น ภรรยาโจทก์ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศาลผู้ทำหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่รับฟ้องว่าไม่มีใบมอบฉันทะจากโจทก์ เนื่องจากโจทก์เดินทางไปราชการต่างจังหวัดโดยกระทันหันซึ่งผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนก็ได้กรุณาสั่งฎีกาของโจทก์แล้ว ศาลมีอำนาจรับคำคู่ความได้แม้จะยื่นฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายวิธีพิจารณาความ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และศาลชั้นต้นก็ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 23แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งขยายเวลาให้โจทก์ทำฎีกามายื่นใหม่ภายในวันที่ 8 เมษายน 2531 ครั้นวันที่ 5เมษายน 2531โจทก์ได้ทำฎีกามายื่นใหม่ในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดและยื่นในขณะที่ศาลยังมิได้สั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมในฎีกาฉบับแรกของโจทก์แต่อย่างใด ฎีกาของโจทก์จึงยื่นโดยชอบแล้ว โปรดมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งไม่รับฎีกาของศาลชั้นต้น แล้วมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 103)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83,90,91,136,175 และ 326
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและฐานฟ้องเท็จ ส่วนความผิดฐานหมิ่นประมาทมีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูล ให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 10,000 บาท จำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนทั้งสภาพแห่งความผิดนับว่ามีเหตุอันควรปราณี เห็นควรรอการลงโทษจำคุกไว้ 3 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ฯลฯ
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 90)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 98)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2531 โจทก์มีอำนาจยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่าน ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 4 เมษายน 2531 ที่โจทก์อ้างว่าได้ตกลงกับทนายโจทก์ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอภูเขียวจังหวัดชัยภูมิ ให้ทำฎีกาให้และให้คนนำมามอบให้โจทก์ในวันที่4 เมษายน 2531 โดยโจทก์จะเป็นผู้นำไปยื่นต่อศาลชั้นต้นเองแต่ในวันที่ 4 เมษายน 2531 ดังกล่าว โจทก์ได้รับวิทยุด่วนจากผู้บังคับบัญชาที่จังหวัดนครราชสีมาให้ไปพบด่วนในวันนั้นโจทก์จึงให้ภรรยาโจทก์รอรับฎีกาจากคนของทนายโจทก์เพื่อนำไปยื่นต่อศาลแทน ภรรยาโจทก์นำฎีกาไปยื่นจนศาลมีคำสั่งแล้ว แม้จะไม่มีใบมอบฉันทะจากโจทก์น่าจะถือว่ายื่นโดยชอบนั้น เห็นว่าก่อนจะไปพบผู้บังคับบัญชาโจทก์มีเวลาที่สามารถทำใบมอบฉันทะให้ภรรยาโจทก์เป็นผู้นำฎีกาไปยื่นต่อศาลแทนได้แต่โจทก์ไม่กระทำจึงเป็นความผิดของโจทก์เอง ภรรยาโจทก์มิใช่คู่ความหรือผู้รับมอบฉันทะให้กระทำการแทน ไม่มีสิทธินำฎีกาของโจทก์มายื่นต่อศาลได้แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งให้โจทก์ไปทำฎีกาให้เรียบร้อยมายื่นใหม่ภายในวันที่ 8 เมษายน 2531 มิฉะนั้นจะไม่รับฎีกาก็เป็นคำสั่งโดยผิดระเบียบ ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ผิดระเบียบเป็นไม่รับฎีกาของโจทก์ได้ และเมื่อโจทก์ทำฎีกามายื่นใหม่ในวันที่ 5 เมษายน 2531 ก็เป็นเวลาเลยกำหนดฎีกาไปแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง

Share