คำสั่งคำร้องที่ 1193/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริงและต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และเป็น กรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้ไขมาก จึงไม่ต้องห้ามฎีกาโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 33)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 62 ตรี,106 ตรี พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง,157 ทวิ วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2535 มาตรา 8,28ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 1 ปี ฐานฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรฯ มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง รวม 2 กระทง คงจำคุก 9 เดือน ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนด 1 ปี
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษฐานฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง และมาตรา 157 ทวิ วรรคหนึ่ง จำคุก 2 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก1 ปี 2 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 7 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย(อันดับ 28)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 33)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืน พระราชบัญญัติจราจรทางบก ไม่ได้แก้บทมาตราด้วย เป็นการแก้ไข เล็กน้อย ส่วนความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนพิพากษายืนและให้ ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละฐานความผิดไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาโต้แย้งเกี่ยวกับดุลพินิจของศาลว่า สมควรลงโทษปรับจำเลยสถานเดียวหรือให้รอการลงโทษ เป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share