แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การเข้าเป็นคู่ความแทนที่คู่ความผู้มรณะนั้น แม้จะ ร้องขอเข้ามาเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่คู่ความ ฝ่ายนั้นมรณะก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ประกอบด้วยมาตรา 132(3) บัญญัติให้อยู่ในอำนาจ ของศาลที่จะใช้ดุลพินิจสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ได้ แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 5 ได้มรณะในระหว่าง การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งจำหน่ายคดี จนกระบวนพิจารณาได้ผ่านจากชั้นศาลอุทธรณ์มาเป็นกระบวน พิจารณาชั้นศาลฎีกาและ ว. ผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 5 แล้วเช่นนี้ แม้จะร้องขอเข้ามาเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยที่ 5 มรณะและเป็นการมรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ก็ตามแต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกของจำเลยที่ 5 ศาลฎีกาอนุญาตให้ ว. เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ที่ 12 และ ที่ 13 ร่วมกันชำระเงิน 6,333,808 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ ให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 11
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 10 ฎีกา
ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จแล้วส่งไปให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาพร้อมกับจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่าคำฟ้องฎีกาของจำเลยที่ 4 ที่ 5และที่ 10 ลงชื่อโดยนายสัญจร ประทุมวงษ์ ทนายความซึ่งจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 10 ไม่ได้ให้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา แต่นายสัญจรได้ดำเนินกระบวนพิจารณามาตั้งแต่ในศาลชั้นต้นจนถึงการยื่นฎีกา พฤติการณ์เชื่อว่าจำเลยที่ 4ที่ 5 และที่ 10 ได้แต่งตั้งให้นายสัญจรเป็นทนายความผู้มีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาได้โดยรวมถึงการอุทธรณ์และฎีกาด้วย ฉะนั้น เพื่อให้กระบวนพิจารณาเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายก่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 10 ดำเนินการแต่งตั้งให้ นายสัญจรเป็นทนายความผู้มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกาให้ถูกต้อง เสียก่อน อนึ่ง ปรากฏตามรายงานการเดินหมายลงวันที่ 21 มีนาคม 2539 ว่าจำเลยที่ 5 ถึงแก่กรรมแล้ว ฉะนั้นให้ ศาลชั้นต้นไต่สวนข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 5 ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากจำเลยที่ 5 ถึงแก่กรรมจริง ให้งดอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามคู่ความเรื่องคู่ความแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46
ศาลชั้นต้นปฏิบัติตามรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว และจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า นายวิสูตร ฮานาฟี่ ยื่นคำร้องลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2541 ว่า จำเลยที่ 5 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2535 นายวิสูตร ฮานาฟี ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 5 ตามคำสั่งศาล ขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 5 ผู้ตายสำเนาคำร้องดังกล่าวให้โจทก์แล้วโจทก์แถลงรับว่า จำเลยที่ 5 ถึงแก่ความตายจริงแต่ขอคัดค้านการขอเข้ารับมรดกความว่า จำเลยที่ 5 ถึงแก่ความตายเมื่อปี 2535 ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จนกระทั่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้จำเลยที่ 5 รับผิดเวลาผ่านมา 5 ปีแล้ว จึงล่วงเลยเวลาที่จะขอเข้ารับมรดกความแทนที่จำเลยที่ 5 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 จึงขอให้ศาลจำหน่ายคำฎีกาของจำเลยที่ 5 ออกจากสารบบความ และให้พิพากษายืนในส่วนของจำเลยที่ 5 ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ถือว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยที่ 5 ต้องรับผิดนั้นถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องขอยื่นมรณบัตรของนายฟาฮานาฟี กับสำเนาคำสั่งศาลคดีหมายเลขแดงที่ 8967/2535ของศาลแพ่งที่ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายฟา ฮานาฟีจำเลยที่ 5 ผู้ตาย ผู้ร้องและโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานสำหรับกรณีที่ศาลฎีกาให้ดำเนินการให้จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 10 แต่งตั้งให้นายสัญจร ประทุมวงศ์ เป็นทนายความผู้มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาให้ถูกต้องนั้นในวันนี้ได้ยื่นใบ แต่งทนายของจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 10 แล้ว โดยกรณีของ จำเลยที่ 5 ผู้ลงชื่อแต่งตั้งทนายคือนายวิสูตร ฮานาฟี ผู้ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 ผู้มรณะ จึงให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไว้ก่อน และให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนพร้อมซองคำพิพากษาศาลฎีกาส่งให้ศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งคำร้องขอรับมรดกความแทนที่เสียก่อน
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การเข้าเป็นคู่ความแทนที่คู่ความผู้มรณะนั้น แม้จะร้องขอเข้ามาเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นมรณะก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ประกอบด้วยมาตรา 132(3) บัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ได้และแม้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 5ได้มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งจำหน่ายคดี จนกระบวนพิจารณาได้ผ่านจากชั้นศาลอุทธรณ์มาเป็นกระบวนพิจารณาชั้นศาลฎีกา และนายวิสูตร ฮานาฟีผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 5 ตามคำสั่งศาล ได้ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 แล้ว เช่นนี้ แม้จะร้องขอเข้ามาเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยที่ 5 มรณะและเป็นการมรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ก็ตามแต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกของจำเลยที่ 5 เห็นสมควรอนุญาตให้นายวิสูตรเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 ได้
อนุญาตให้นายวิสูตร ฮานาฟี ผู้ร้อง เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 ผู้มรณะได้”