คำสั่งคำร้องที่ 1167/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า เป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจในการฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยข้อ 2.1 และ 2.2 นั้น จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐานว่า การที่ศาลรับฟังข้อเท็จจริงเพียงว่าการรับแจ้งทาง โทรศัพท์อาจผิดพลาดได้ประกอบกับคำเบิกความของนางสาวทิพวัลย์เลิศสมบัติวัฒนาที่ว่าโจทก์มิใช่ผู้ที่ถูกร้องเรียน แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิได้เป็นผู้กระทำความผิดนั้นเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาโปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน (อันดับ 53)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในสภาพการจ้างเดิมและอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 53,000 บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 42)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)

คำสั่ง
อุทธรณ์ข้อ 2.1 ได้ยกคำเบิกความของพยานจำเลยประกอบกับเหตุผลต่าง ๆ ขึ้นอ้างแล้วขอให้ศาลฎีการับฟังว่าโจทก์กระทำผิดต่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย การเลิกจ้างของจำเลยจึงมีเหตุสมควรกับอุทธรณ์ข้อ 2.2 อ้างว่าความจริงแล้วต้องรับฟังว่านางสาวทิพย์วัลย์เลิศสมบัติวัฒนาพยานจำเลยได้ร้องเรียนกล่าวโทษโจทก์นั้น ต่างเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางอันเป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share