แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา มีทางที่จะชนะคดี โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองและบริวารได้ใช้ทางพิพาทตามแนว เส้นสีแดงในแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เอกสารหมาย จ.9 เป็น ทางเข้าออกเป็นการชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยทั้งสี่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่เปิดทางบนที่ดินของ จำเลยทั้งสี่ที่ได้จากการแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 239ตำบลสวนกล้วย อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นทางกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 85 เมตร ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง หมาย จ.9 เป็นทางจำเป็นให้โจทก์ทั้งสองใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะ หากจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมเปิดทางก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาล แทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสี่ ให้จำเลยที่ 1 รื้อรั้วไม้ ที่ปิดกั้นหน้าที่ดินของโจทก์ทั้งสองตามแนวเส้นสีแดงในแผนที่ สังเขปท้ายฟ้องหมาย จ.9 หากจำเลยที่ 1 ไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์ ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่เปิดทางบนที่ดินของจำเลยทั้งสี่ที่ได้จากการแบ่งแยกจากโฉนดเลขที่ 239 ตำบลสวนกล้วย อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ให้มีความกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 40 เมตร ตามแนวเส้นสีแดงในแผนที่ สังเขปท้ายคำให้การ เอกสารหมาย ล.5 เป็นทางจำเป็นเพื่อให้ โจทก์ทั้งสองใช้เป็นทางออกไปสู่ทางสาธารณะ หากจำเลยทั้งสี่ ไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของ จำเลยทั้งสี่ และให้จำเลยที่ 1 รื้อรั้วไม้ที่ปิดกั้นหน้า ที่ดินของโจทก์ทั้งสองตามแนวเส้นสีแดงในแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เอกสารหมาย จ.9 เฉพาะเท่าที่จำเป็นแก่การเปิดทางจำเป็น ดังกล่าว นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 106,105)
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสองยื่น คำร้องขอให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่รื้อรั้วไม้ไผ่ที่กั้นหน้าที่ดินของโจทก์ทั้งสองออกชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น(อันดับ 14,32)
คำสั่ง
อนุญาตให้โจทก์ทั้งสองได้รับความคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา