แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 ที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายรวมกับปัญหาข้อเท็จจริงว่า การที่โจทก์ที่ 2 ได้ร่วมลงทุนการค้าร่วมกับนางภัสราจิตรสาระครและนางนงคราญขันติวิริ ยาคมโดยโจทก์ที่ 2 เป็นผู้จ่ายเงินกู้ นางภัสราจิตรและนางนงคราญเป็นผู้เรียกเก็บต้นเงินและดอกเบี้ยจากผู้กู้ คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อเดือนส่งให้โจทก์ที่ 2 ร้อยละ 5 ต่อเดือน ส่วนที่เหลือร้อยละ 3 ต่อเดือนให้เป็นค่าตอบแทนแก่นางภัสราจิตรและนางนงคราญ จำเลยที่ 1 ที่ 2เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนางภัสราจิตรและนางนงคราญ จึงถูกบุคคลทั้งสองใช้สอยให้กู้เงินโจทก์ที่ 2 ตั้งแต่ปี 2528 ตลอดมาจนถึงวันเกิดเหตุคดีนี้ ซึ่งต่างฝ่ายต่างรู้ถึงการกระทำของกันและกัน การกระทำของโจทก์ที่ 2เป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจของชาติ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้นการกระทำของจำเลยดังกล่าวต่อโจทก์ที่ 2เป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่ ส่วนในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามหนังสือสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 จ.3 จ.5 จ.7จ.9 จ.10 และ จ.12การลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้(แบบพิมพ์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูร้อยเอ็ด จำกัด) ไว้เฉย ๆ โดยมิได้กรอกข้อความใด ๆ ทั้งไม่ทราบว่าเป็นลายมือชื่อของผู้ใดการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมหรือไม่ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อรับสำเนาคำร้องข้างคำร้องแล้ว (อันดับ 277)
คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกว่า โจทก์ที่ 1 และเรียกโจทก์ในสำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2 เรียกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เรียกจำเลยที่ 3 ในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268,391,83 และ 91 เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามมาตรา 268 รวม 6 กระทง จำคุกกระทงละ6 เดือนรวมลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 268 รวม 7 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 264)
จำเลยที่ 1 ที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 277)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าลายมือชื่อของบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคำขอกู้เงินเพื่อเหตุฉุกเฉินตามฟ้องนั้น ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูร้อยเอ็ด จำกัด ยกเว้นรายนางสาวเครือวรรณทวีพงษ์ แต่นางสาวเครือวรรณก็ไม่ได้ลงชื่อในคำขอกู้เงินดังกล่าว จำเลยที่ 1และที่ 3 ได้ร่วมกันนำคำขอกู้เงินเพื่อเหตุฉุกเฉินตามฟ้องไปขายให้โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 ได้รับซื้อไว้ ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ดังกล่าวจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงและฐานใช้เอกสารปลอมหรือไม่จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวไว้ดำเนินการต่อไป